Operation Twist คือ มาตรการทางการเงินที่ธนาคารกลางจะลดสัดส่วนการถือครองพันธบัตรระยะสั้นแล้วเพิ่มการถือครองพันธบัตรระยะยาว โดยการสับเปลี่ยนตราสารหนี้ในมือของ Fed ด้วยการทำ Operation Twist (OT) จะทำให้อายุเฉลี่ยของตราสารหนี้ในงบดุลของ Fed (Fed Balance Sheet) เพิ่มขึ้นโดยที่ Fed ไม่ต้องอัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจซึ่งเป็นความเสี่ยงต่อการนำไปสู่เงินเฟ้อ
การทำ Operation Twist ธนาคารกลางสหรัฐฯ หรือ Fed ทำการขายพันธบัตรระยะสั้นที่ถืออยู่และเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวแทน
เป้าหมายของ Operation Twist คือ การกดอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ระยะยาวให้อยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะสั้น เพื่อลดต้นทุนการกู้ยืมของธุรกิจลงโดยที่ธนาคารไม่จำเป็นต้องลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายโดยตรง
Operation Twist เป็นมาตรการที่เคยถูกใช้ครั้งแรกเมื่อปี 1961 โดย Fed ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะยาวมูลค่า 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อกระตุ้นการใช้จ่ายของเศรษฐกิจที่อยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย (Recession) หลังสงครามเกาหลี และอีกครั้งในปี 2011 ช่วงหลัง Subprime Crisis เพื่อลดขนาด Balance Sheet หลังจากที่ Fed ได้อัดฉีดเงินมหาศาลเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจที่รับผลกระทบจากวิกฤติ Subprime ด้วยการเข้าซื้อพันธบัตรระยะยาวอายุ 6-30 ปีรวม 4 แสนล้านดอลลาร์และขายพันธบัตรระยะสั้นอายุ 3 ปีหรือต่ำกว่าในมูลค่าเท่ากัน
กลไกของ Operation Twist
กลไกของ Operation Twist อยู่บนพื้นฐานของกลไก Bond Yield หรือกลไกผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล การที่พันธบัตรรัฐบาลรุ่นหนึ่งเป็นที่ต้องการก็จะทำให้พันธบัตรรุ่นดังกล่าวราคาสูงขึ้นและส่งผลให้ Bond Yield ลดลง ในทางกลับกันเมื่อพันธบัตรรัฐบาลรุ่นหนึ่งไม่เป็นที่ต้องการก็จะทำให้ราคาลดลงและทำให้ Bond Yield เพิ่มขึ้น
- ราคาพันธบัตรเพิ่มขึ้น Bond Yield จะลดลง
- ราคาพันธบัตรลดลง Bond Yield จะเพิ่มขึ้น
มาตรการ Operation Twist ของ Fed คือการขายพันธบัตรระยะสั้นออกมา แล้วเพิ่มการถือครองพันธบัตรระยะยาวด้วยการนำเงินจำนวนเดียวกันไปซื้อพันธบัตรระยะยาวแทน ส่งผลให้ปริมาณ Supply พันธบัตรระยะสั้นที่ถูก Fed ขายออกมาในตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งจะทำให้พันธบัตรระยะสั้นในตลาดรองราคาลดลง และทำให้ Bond Yield ของพันธบัตรระยะสั้นรุ่นดังกล่าวเพิ่มขึ้น
ในทางกลับกันพันธบัตรระยะยาวรุ่นที่ Fed เข้าซื้อก็จะเป็นที่ต้องการของตลาด จนทำให้ราคาพันธบัตรระยะยาวรุ่นดังกล่าวเพิ่มขึ้น และทำให้ Bond Yield ของพันธบัตรระยะยาวรุ่นดังกล่าวลดลงตามเป้าหมายในการกด Bond Yield ระยะยาวให้ต่ำกว่าระยะสั้น ด้วยการทำ Operation Twist
นอกจากนี้ การที่ Bond Yield ของพันธบัตรระยะยาวต่ำกว่า Bond Yield ของพันธบัตรระยะสั้น ยังกระตุ้นให้นักลงทุนที่ถือพันธบัตรระยะยาวจะเทขายพันธบัตรออกมาเพื่อทำกำไรจากส่วนต่างราคาที่เพิ่มขึ้น และนำเงินไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นที่ให้ผลตอบแทนเท่ากันหรือมากกว่าเพื่อรักษาผลตอบแทนให้ได้เท่าเดิม
ในกรณีที่ตราสารหนี้อายุเท่ากันให้ผลตอบแทนลดลง การออกตราสารหนี้ใหม่รวมถึงตราสารหนี้ภาคเอกชนอย่างหุ้นกู้ที่บริษัทเป็นผู้ออก ก็จะไม่จำเป็นให้ดอกเบี้ย (Coupon Rate) ที่สูงเท่าเดิมอีกต่อไป ในส่วนนี้ก็จะส่งผลให้ต้นทุนการกู้ยืมของธุรกิจลดลงด้วยเช่นกัน