• Post category:Investment

ราคาน้ำมันติดลบ คือ เหตุการณ์ที่ราคาสัญญาซื้อขายน้ำมันดิบ WTI Crude Oil Future ส่งมอบเดือยพฤษภาคม 2020 ปิดการซื้อด้วยราคา -37.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล ซึ่งเป็นผลจากปริมาณความต้องการใช้นำมันในสหรัฐฯ ลดลงอย่างมากในช่วงล็อคดาวน์ ในขณะที่ผู้ผลิตน้ำมันเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อทำสงครามราคาน้ำมันดิบ

ปริมาณน้ำมันดิบ (Supply) ที่มีอยู่มากเกินความต้องการ ในขณะที่สถานเก็บน้ำมันดิบใกล้ถึงขีดจำกัด และความต้องการใช้น้ำมันที่ต่ำเป็นประวัติการณ์ส่งผลให้ในวันสุดท้ายที่สามารถเทรดสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI Crude Oil ที่มีกำหนดส่งมอบในเดือนพฤษภาคมราคาลดลงอย่างรวดเร็วจนกลายเป็น ราคาน้ำมันดิบติดลบ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์โลกกว่า 100 ปีที่มีการเทรดน้ำมัน

โดยในวันที่ 21 เมษายน 2020 ราคาน้ำมันดิบติดลบ ที่จุดต่ำสุด -40.32 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล ก่อนจะปิดการซื้อขายของวันที่ราคา -37.63 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล

… ใช่แล้วครับ “ราคาน้ำมันดิบติดลบ”

ถ้าหากใครนึกภาพ ราคาน้ำมันติดลบ ยังไม่ออก … ให้นึกภาพการที่คุณมีสัญญาซื้อน้ำมันที่คุณจะต้องเดินทางไปรับน้ำมันดิบที่ Texas ตามสัญญา ที่นอกจากคุณจะไม่เสียเงินคุณยังได้เงินเท่ากับราคาน้ำมันดิบที่ติดลบต่อ 1 บาเรลอีกต่างหาก

ราคาน้ำมันติดลบ คือ WTI Crude Oil Future ราคาน้ำมันดิบ ติดลบ
กราฟราคา สัญญาซื้อขายล่วงหน้า WTI Crude Future ที่ติดลบ

การที่ความต้องการใช้น้ำมันของสหรัฐอเมริกาอยู่ในระดับต่ำ ส่งผลให้สถานเก็บน้ำมันดิบในปัจจุบันใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว บวกกับการที่น้ำมันดิบที่มีอยู่เดิมก็ยังระบายออกไม่หมด ทั้งหมดส่งผลให้ผู้ค้าน้ำมันไม่อยากและไม่สามารถรับน้ำมันดิบเพิ่มได้

ด้วยเหตุผลดังกล่าวผู้ค้าน้ำมันที่ถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI (WTI Crude Future) ที่มีกำหนดการส่งมอบจริงในเดือนพฤษภาคมที่จะถึง จึงจำเป็นต้องขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า (ที่ไม่มีใครต้องการ) ออกมาในราคาที่ต่ำลงเรื่อย ๆ จนส่งผลให้ ราคาน้ำมันดิบติดลบ ในท้ายที่สุด

ทำไมราคาน้ำมันดิบติดลบ

สาเหตุของ ราคาน้ำมันติดลบ คือ การที่ปัจจุบันความต้องการน้ำมันต่ำกว่าความต้องการซื้ออย่างมาก และปัญหาที่เก็บน้ำมันของทางฝั่งสหรัฐฯ ไม่พออีกต่อไปเนื่องจากผู้ผลิตรายใหญ่ต่างเพิ่มกำลังการผลิตแข่งกันเพื่อทำสงครามราคา (Price War)

แต่ปัญหาหลักอยู่ที่การที่วันที่ 21 เมษายน 2020 คือ วันสุดท้ายของการซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้า WTI Crude Future ที่มีกำหนดการส่งมอบน้ำมันดิบในเดือนพฤษภาคม ที่ผู้ถือสัญญาจะต้องเดินทางไปรับน้ำมันจริงที่ Texas ในขณะที่ ณ ขณะนั้นสถานที่เก็บน้ำมันใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว จากการที่ไม่มีใครต้องการใช้น้ำมันในขณะที่มีน้ำมันดิบให้ซื้อแบบล้นตลาด

เมื่อสัญญาซื้อขายล่วงหน้าของ WTI Crude Future ครบกำหนดส่งมอบ การที่คุณไม่ Rollover (ปิดสัญญาแล้วเปิดเดือนใหม่ เพื่อต่อสัญญาทำให้ไม่ต้องไปรับน้ำมันจริง) หรือปิดสัญญา (ขายสัญญาให้คนอื่น) หมายความว่า คุณจะต้องเดินทางไปรับน้ำมันดิบที่ Texas

ทางออกของนักลงทุนและผู้ค้าน้ำมันที่ยังมีสัญญาซื้อขายล่วงหน้า แต่ไม่ต้องการรับน้ำมันจากเหตุผลทั้งหมดที่ว่ามา จึงมีทางออกทางเดียวคือการขายหรือการปิดสัญญา แต่แน่นอนว่าการจะขายต้องมีคนซื้อ

… ใช่แล้วครับ ปัญหาคือไม่มีคนซื้อ ราคาน้ำมันดิบ WTI จึงลงไปอยู่ในระดับราคาติดลบอย่างที่เกิดขึ้น

อีกหนึ่งปัญหาคือ ผู้ที่ถือสัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันดิบ WTI Crude Future ไม่ใช่ทุกคนที่เป็นพ่อค้าน้ำมัน บางส่วนคือนักลงทุนที่เข้ามาเก็งกำไร ส่งผลให้คนกลุ่มนี้เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีความสามารถในการรับน้ำมันดิบมาเก็บไว้ได้อย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าคนกลุ่มนี้จะต้องขายสัญญาล่วงหน้าออกมา

ด้วยเหตุผลที่ว่ามาส่งผลให้ในตลาดมีปริมาณการขายมากกว่าความต้องการซื้อแบบมหาศาล ดังนั้นการตั้งราคาขายของสัญญาซื้อขายล่วงหน้า WTI Crude Future จึงลดลงเรื่อย ๆ จนในที่สุดก็ต่ำกว่า 0 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาเรล และกลายเป็น ราคาน้ำมันดิบติดลบ

อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันดิบติดลบ คือ สิ่งที่ไม่มีผลกับราคาน้ำมันในประเทศไทยแต่อย่างใด เพราะอย่างที่บอกว่า ราคาน้ำมันติดลบ ครั้งนี้เกิดขึ้นกับราคาสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้า WTI (West Texas Intermediate) ที่ซื้อขายกันอยู่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

แม้แต่ราคาน้ำมันดิบทั่วโลกเองยังส่งผลเพียงเล็กน้อย อย่างเช่น Brent ที่ปรับลดเพียงแค่ประมาณ -7% เท่านั้นในช่วงที่ ราคาน้ำมันดิบ WTI Future ติดลบ แต่ราคาน้ำมันดิบติดลบอาจส่งผลทางจิตวิทยาต่อราคาน้ำมันดิบทั่วโลกบ้างเล็กน้อยจากการที่นักลงทุนจะเริ่มระวังตัวกันมากขึ้น และไม่เข้าซื้อทันทีที่เห็นราคาลงอย่างที่เกิดขึ้นกัน WTI Crude Future

Finvestory

บทความเศรษฐกิจ การเงิน การลงทุน ธุรกิจ และเศรษฐศาสตร์ ในโลกที่ทุกคนต่างลงทุน