Account Receivable Turnover เครื่องมือวัดความสามารถในการเก็บหนี้ของธุรกิจ

บทความโดย

ใน

เผยแพร่เมื่อ

แก้ไขล่าสุด

Account Receivable Turnover คือ อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า สูตร Account Receivable Turnover Ratio

Account Receivable Turnover คือ อัตราส่วนหมุนเวียนลูกหนี้การค้า เป็นอัตราส่วนทางการเงินที่ใช้ในการวัดจำนวนครั้งที่ธุรกิจสามารถเก็บหนี้ได้ภายในแต่ละรอบบัญชี ซึ่งใช้ในการวัดความสามารถในการเก็บหนี้ของธุรกิจ

โดยอัตราส่วน Account Receivable Turnover (ART) จะวัดจากการเปรียบเทียบกันระหว่างรายการ “ยอดขายสุทธิ” กับ “ลูกหนี้การค้า” โดยการนำมาหารกัน และผลลัพธ์ที่ได้ออกมาจะมีหน่วยเป็นเท่า

  • Account Receivable Turnover มีค่าสูงกว่า หมายถึง บริษัทมีความสามารถในการเรียกเก็บหนี้ที่สูงกว่า สะท้อนถึงความเสี่ยงจากปัญหาสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นจากลูกหนี้การค้าที่น้อยกว่า
  • Account Receivable Turnover มีค่าต่ำกว่า หมายถึง บริษัทมีความสามารถในการเรียกเก็บหนี้ที่ต่ำกว่า สะท้อนถึงความเสี่ยงจากปัญหาสภาพคล่องที่อาจเกิดขึ้นจากลูกหนี้การค้าที่มากกว่า

ดังนั้น Account Receivable Turnover จึงเป็นค่าที่ควรมีค่ามาก ที่สะท้อนถึงการที่ธุรกิจสามารถเก็บหนี้ได้บ่อยครั้งกว่าในรอบบัญชีดังกล่าว ซึ่งหมายถึงการที่ธุรกิจได้เงินสดไปใช้ในการหมุนเวียนต่อไปในธุรกิจ และในทางกลับกัน Account Receivable Turnover ที่มีค่าน้อยกว่า หมายถึงการที่ธุรกิจสามารถเก็บหนี้ได้น้อยครั้งกว่า ซึ่งเป็นสิ่งที่ส่งผลต่อสภาพคล่องของธุรกิจที่อาจน้อยกว่าที่ควรจะเป็น

ทำไมการเก็บหนี้ได้ไวจึงเป็นเรื่องดี?

การเก็บหนี้ได้ไวเป็นเรื่องสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพทางการเงินของธุรกิจ หากธุรกิจมีปัญหาในการจัดเก็บหนี้จนสามารถเก็บหนี้ได้ช้าย่อมหมายถึงการที่ธุรกิจเสียโอกาสในการใช้เงินดังกล่าวอันเป็นทรัพยากรของธุรกิจในการทำประโยชน์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการขยายกำลังการผลิต การซื้อวัตถุดิบในการผลิตสินค้ารอบต่อไป การพัฒนาธุรกิจ หรือการใช้ประโยชน์ในเรื่องฉุกเฉิน

หรือในอีกความหมายหนึ่ง การเก็บหนี้ได้เร็ว = การได้เงินมาใช้เร็ว ซึ่งลดโอกาสที่ธุรกิจจะไม่มีเงินใช้แล้วหันไปพึ่งการกู้เงินจากธนาคารที่มีต้นทุนดอกเบี้ยตามมา อีกทั้งยังสามารถทำในสิ่งที่ต้องการได้ในทันที

วิธีคำนวณ Account Receivable Turnover Ratio

Account Receivable Turnover สามารถคำนวณได้โดยการนำ “ยอดขายสุทธิ” หรือ “ยอดขายเชื่อ” หารด้วย “ลูกหนี้การค้าเฉลี่ย” ซึ่งจะได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นจำนวนเท่า ซึ่งแสดงถึงจำนวนครั้งที่ธุรกิจสามารถเก็บหนี้จากลูกหนี้การค้าที่มาจากการขายเชื่อ ได้ภายใน 1 รอบระยะเวลาบัญชี

Account Receivable Turnover = ยอดขายเชื่อ ÷ ลูกหนี้การค้าเฉลี่ย

โดยที่ ลูกหนี้การค้าเฉลี่ย = (ลูกหนี้ต้นงวด + ลูกหนี้ปลายงวด) ÷ 2

และในกรณีที่ในงบการเงินไม่มีรายการ “ยอดขายเชื่อ” จะใช้รายการ “ยอดขาย” แทน

ตัวอย่าง บริษัท finvestory มียอดขายเชื่อ 100,000 บาท และมีลูกหนี้การค้าเฉลี่ย 20,000 บาท โดยที่ค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมอยู่ที่ 5 เท่า ในขณะที่ค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมเดียวกันคือ 5 ครั้ง

Account Receivable Turnover ของบริษัทจึงเท่ากับ 100,000 ÷ 20,000 = 5 เท่า

หมายความว่า ในรอบบัญชีนี้บริษัทมีการเก็บหนี้ได้ 5 ครั้ง และเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยของบริษัทในอุตสาหกรรมจะพบว่าบริษัทมีอัตรา Account Receivable Turnover ในระดับปกติในระดับเดียวกับบริษัทอื่น ๆ ในอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย

ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (Average Collection Period)

เมื่อทราบ Account Receivable Turnover หรือ อัตราหมุนเวียนลูกหนี้การค้า ที่บอกจำนวนครั้งในการเก็บหนี้ต่อ 1 รอบบัญชีแล้ว ยังสามารถนำค่าดังกล่าวไปใช้ในการหาว่าโดยเฉลี่ยบริษัทเก็บหนี้ได้ภายในกี่วันด้วยการคำนวณหา ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (Average Collection Period)

โดยระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยจะสามารถคำนวณได้จากการนำค่าที่ได้ไปหาร 365 วัน ซึ่งเป็นระยะเวลา 1 รอบบัญชี ซึ่งควรเป็นค่าที่ต่ำ เนื่องจากค่าที่ต่ำหมายถึงการที่ธุรกิจใช้เวลาไม่นานในการเก็บหนี้จากลูกหนี้การค้าและได้เงินสดมาไว้ใช้หมุนเวียนในธุรกิจ ในทางกลับกันระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ยที่มาก สะท้อนถึงการที่ธุรกิจเก็บหนี้จากลูกหนี้การค้าได้ช้าซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาด้านสภาพคล่องของธุรกิจ

ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (Average Collection Period) = 365 ÷ อัตราหมุนเวียนลูกหนี้การค้า

จากตัวอย่างเดียวกัน บริษัท finvestory จะใช้เวลาในการเก็บหนี้แต่ละครั้ง = 365 ÷ 5 = 73 วัน ต่อการเก็บหนี้ได้หนึ่งครั้ง

แก้ไขล่าสุดเมื่อ:


หากเป็นประโยชน์ติดตามเราได้ที่:

แชร์บทความนี้: