Safe Haven คือ สินทรัพย์ปลอดภัยที่นักลงทุนใช้เป็นที่หลบภัยในการลงทุนในช่วงที่ตลาดเกิดความผันผวนสูงจากความไม่แน่นอนบางอย่างเพื่อรักษากำลังซื้อหรือมูลค่าของเงิน โดยนักลงทุนจะย้ายเงินลงทุนเข้าไปในสินทรัพย์ Safe Haven Asset เพื่อทำกำไรหรือรอโอกาสในการลงทุนครั้งต่อไปเมื่อตลาดกลับสู่ภาวะปกติ
โดยพื้นฐานของ Safe Haven Asset คือ สินทรัพย์ที่ปลอดภัย ซึ่งคำว่าปลอดภัยในที่นี้หมายถึงสินทรัพย์ที่มีความผันผวนต่ำกว่า ที่นักลงทุนจะสามารถย้ายเงินลงทุนเข้าไปพักไว้ได้เพื่อรักษากำลังซื้อเอาไว้ในช่วงที่มีความเสี่ยงหรือเป็นช่วงที่อันตรายต่อพอร์ตการลงทุนของนักลงทุน ตามชื่อ Safe Haven ที่แปลว่า “ที่หลบภัย” ที่มาจากคำว่า Safe ที่หมายถึง ปลอดภัย และคำว่า Haven ที่หมายถึง สถานที่หลบภัย (ไม่ใช่ Heaven ที่แปลว่า สวรรค์)
ทั้งนี้ สินทรัพย์ Safe Haven ที่แพร่หลายที่สุด คือ ทองคำ (Gold) ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนเชื่อว่าไม่ว่าเมื่อไหร่ทองคำ (Gold) ก็เป็นสินทรัพย์ที่มีค่าในตัวเองจากการที่เป็นแร่หายาก (ในโลก) ไม่ว่าจะเป็นในปัจจุบันที่สงบสุข ช่วงที่เกิดวิกฤตการเงิน หรือแม้กระทั่งช่วงสงครามก็ตาม
สินทรัพย์ Safe Haven ไม่ได้มีเพียงแค่ทองคำ
จริงอยู่ที่ถ้าหากพูดถึง Safe Haven แน่นอนว่าสิ่งแรกที่นักลงทุนนึกถึงเป็นอันดับแรกก็คือ ทองคำ (Gold) แต่ในความเป็นจริงแล้ว Safe Haven Asset ไม่ได้มีเพียงทองคำเท่านั้น
เพราะในกรณีที่ไม่ใช่สภาพแวดล้อมสุดขั้วอย่างสงครามหรือเหตุการณ์ที่ส่งผลต่อความมั่นคงของโลกเหมือนในหนัง Sci-fi เราอาจจะไม่ได้จำเป็นที่จะต้องมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยและรักษากำลังซื้อได้ดีแบบทองคำเพียงอย่างเดียว (แม้ว่าบางคนอาจจะแบ่งเงินลงทุนบางส่วนเอาไว้ในทอง) และในทางปฏิบัติ Safe Haven ก็ไม่ได้เป็นสินทรัพย์ที่ถูกกำหนดไว้ตายตัว
Safe Haven เป็นสินทรัพย์อะไรก็ได้ที่ปลอดภัยกว่าที่จะลงทุนและผันผวนน้อยกว่าสินทรัพย์เสี่ยงที่กำลังผันผวนในสภาวะผิดปกติ ที่นักลงทุนจะสามารถย้ายเงินทุนเข้าไปพัก
ตัวอย่างที่ง่ายที่สุดของ Safe Haven คือ ช่วง Subprime Crisis ของสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2008 จะเห็นว่าการลงทุนในสหรัฐอเมริกาไม่ปลอดภัยกับเงินลงทุนไปจนกว่าสหรัฐอเมริกาจะฟื้นตัว ส่งผลให้นักลงทุนมองหาสินทรัพย์ที่ปลอดภัยกว่าเพื่อใช้เป็นที่หลบภัยในการลงทุน
ขณะนั้น Safe Haven ของนักลงทุนที่หนีวิกฤต Subprime นอกจากทองคำ คือ การลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emergining Markets) เช่น ไทย ไต้หวัน และมาเลเซีย เนื่องจากประเทศเหล่านี้แทบจะไม่ได้รับผลกระทบ อีกทั้งยังมีอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Interest Rate) และผลตอบแทนที่แท้จริง (Real Yield) ที่สูงกว่าในขณะนั้นเมื่อเทียบกับประเทศที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินจนทำให้จำเป็นต้องลดดอกเบี้ยลง
จากตัวอย่างจะเห็นว่า Safe Haven ของวิกฤติ Subprime เมื่อปี 2008 คือการเข้าไปลงทุนในประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) ไม่ว่าจะในพันธบัตรรัฐบาล การถือเงินสกุลนั้น ๆ หรือลงทุนในตลาดหุ้นประเทศตลาดเกิดใหม่เหล่านั้นก็ตาม
แล้วสินทรัพย์ Safe Haven มีอะไรบ้าง?
Safe Haven คือ สินทรัพย์ที่ปลอดภัย (กับเงินลงทุน) ในสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย กล่าวคือ เป็นสินทรัพย์ที่มีความสัมพันธ์ในเชิงลบ (Negative Correlation) ต่อสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลให้ในความเป็นจริงเราไม่สามารถพูดได้แบบตายตัวว่าอะไรเป็น Safe Haven ได้ในทุกสถานการณ์ อย่างไรก็ตามมาดู ตัวอย่าง Safe Haven และสินทรัพย์ที่นักลงทุนมักจะเชื่อกันว่าเป็น Safe Haven ในอดีตว่ามีอะไรบ้าง
ทองคำ (Gold) สินทรัพย์ที่ถือเป็น Safehaven สุดคลาสสิกด้วยเหตุผลที่ได้อธิบายก่อนหน้านี้ ทั้งการที่ทองคำมีอยู่อย่างจำกัดบนโลกและการที่ทองคำเป็นแร่หายากที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์หลากหลาย รวมถึงการรักษามูลค่าของพอร์ตการลงทุน
พันธบัตรรัฐบาล (Government Bond) ของประเทศที่เศรษฐกิจมีความมั่นคง เพราะเชื่อที่ว่าประเทศดังกล่าวจะไม่ได้ล่มสลายง่าย ๆ ซึ่งหมายถึงความปลอดภัยของเงินต้นของนักลงทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล
หุ้นในตลาดหุ้นที่ไม่ได้รับผลกระทบของปัญหา เงินลงทุนจะเคลื่อนย้ายจากตลาดหุ้นประเทศที่เกิดปัญหาความไม่มั่นคง ไปยังประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาดังกล่าว หรืออธิบายให้ง่ายกว่านั้นคือ หุ้นในตลาดหุ้นของประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ในช่วงที่ตลาดหุ้นของประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็กกำลังมีปัญหา และหุ้นในตลาดหุ้นประเทศเศรษฐกิจขนาดเล็กในช่วงที่ตลาดหุ้นประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่กำลังมีปัญหา
หุ้นปลอดภัย (Defensive Stock) เป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ที่มนุษย์จำเป็นต้องใช้สินค้าหรือบริการต่อไปไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบนโลก อย่างเช่น อาหาร ไฟฟ้า พลังงาน ยา และปัจจัยพื้นฐานในการดำรงชีวิตอื่น ๆ
เงินสกุลหลักของโลก เช่น เงินดอลลาร์สหรัฐ (USD) เงินยูโร (EUR) เงินปอนด์ของอังกฤษ (GBP) เงินหยวนของจีน (CNY) และ เงินดอลลาร์สิงคโปร์ (SGD) ในกรณีนี้ถ้าเงินสกุลหนึ่งมีปัญหาเงินลงทุนก็จะย้ายไปหาสกุลอื่น
เงิยฟรังก์สวิส (CHF) เงินของประเทศสวิสเซอร์แลนด์ (Switzerland) จากการที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ขึ้นชื่อเรื่องการเงินการธนาคารและความเป็นกลาง ทำให้ประเทศนี้รอดสงครามมาโดยตลอด ทำให้นักลงทุนตั้งสมมติฐานว่าหากเกิดความขัดแย้งระหว่างประเทศขึ้นประเทศสวิสเซอร์แลนด์จะยังคงเป็นกลางและไม่ได้รับผลกระทบ
เงินของประเทศอื่น ๆ ที่ไม่ได้รับผลกระทบหรือมีความผันผวนต่ำ อย่างเช่น เงินเยนญี่ปุ่น (JPY) ในอดีตที่เคยเป็นประเทศที่มี GDP สูงที่สุดเป็นอันดับ 3 ของโลก หรือ เงินบาทไทย (THB) ในอดีตที่ถ้าหากเราตัดประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ออกไป เงินบาทของไทยถือเป็นสกุลหนึ่งที่เคยมีความผันผวนต่ำ ด้วยเงื่อนไขเหล่านี้บางครั้งนักลงทุนจึงมองหาค่าเงินที่มีความผันผวนต่ำมาใช้พักเงินในฐานะ Safe Haven Asset
เรื่องที่คุณควรเข้าใจเกี่ยวกับ Safe Haven
นอกเหนือจากการที่คุณควรรู้ว่าสินทรัพย์ Safe Haven คืออะไร และสินทรัพย์หลบภัยเหล่านี้เรียกว่า “Safe Haven” ไม่ใช่ Safe Heaven สิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งที่นักลงทุนควรทราบเกี่ยวกับ Safe Haven เมื่อมองหาสินทรัพย์บางประเภทมาใช้เป็น Safe Haven Asset คือประสบการณ์ของตัวนักลงทุนเองและการทำการบ้านเกี่ยวกับแนวโน้มความสัมพันธ์ระหว่างสินทรัพย์หนึ่งที่ต้องการนำมาใช้ป้องกันความเสี่ยงในฐานะ Safe Haven กับสภาพแวดล้อมการลงทุนในขณะนั้น
และควรเข้าใจว่า โดยพื้นฐาน Safe Haven มักเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ใช่การลงทุนที่มีไว้ในการสร้างผลตอบแทนในระดับมหาศาลหรือให้ผลตอบแทนที่ดีนักในภาวะปกติหรือขาขึ้น ดังนั้นการละเลยเกี่ยวกับสัดส่วนการลงทุนของสินทรัพย์ประเภท Safe Haven ในพอร์ตการลงทุนในช่วงเวลาดังกล่าว อาจนำไปสู่การเสียโอกาสในการทำกำไรอื่น ๆ ในช่วงเศรษฐกิจกลับมาเป็นขาขึ้น หรือแม้กระทั่งนำไปสู่การขาดทุน